นร.หญิงร้องกองปราบฯถูกนายจ้างแจ้งความเท็จหาว่าขโมยของมีค่านับ10ล้าน


นร.หญิงวัย 19 ปี และครอบครัวมาทำงานที่คอนโดแห่งหนึ่งในเขตประชาชื่น ถูกนายจ้างชักชวนไปทำงานฮ่องกง ทนรบเร้าไม่ไหวจึงย้ายออก นายจ้างแจ้งความหาว่าขโมยทรัพย์สินไปกว่า 10 ล้าน ด้านกองปราบฯรับเรื่องไว้แล้วเร่งดำเนินการช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 59 นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จังหวัดนครพนม เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่น.ส.เอ พร้อมกับครอบครัวถูกนางไก่ (นามสมมติ) อดีตนายจ้าง แจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 58 ในท้องที่ สน.ประชาชื่น ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด

น.ส.เอ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงปิดภาคเรียนและอยู่ระหว่างรอเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง จึงใช้เวลาว่างหารายได้พิเศษ ด้วยการไปทำงานกับมารดาซึ่งเป็นแม่บ้านอยู่ที่ห้องพักอาคารคอนโด ประชานิเวศน์ 1 ของนายจ้างรายนี้ที่อ้างตัวว่าเป็นคุณหญิงมีสามีเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.ท.นายหนึ่ง ส่วนบิดาของตนทำงานที่คาร์แคร์ของนายจ้างคนดังกล่าวโดยตนได้ทำหน้าที่เลี้ยงแมว ภายหลังเข้าไปทำงานไม่นาน นางไก่พูดจาหว่านล้อมชักชวนให้ตนเดินทางไปทำงานที่ฮ่องกง โดยอ้างว่าเคยส่งไปแล้วหลายคนล้วนแต่ได้รับค่าตอบแทนสูง แต่มารดาตนปฏิเสธเพราะอยากให้ตนได้เรียนต่อระดับปริญญาตรี

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า เมื่อเวลาผ่านไปได้ 2 สัปดาห์ นางไก่ก็ยังรบเร้าอีกหลายครั้งจน บิดาและมารดาตนเริ่มทนไม่ไหว เลยชวนกันหนีออกมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า กระทั่งต่อมาจึงถูกตำรวจจับกุมจึงทราบว่าทางนางไก่ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.ประชาชื่น กล่าวหาตนรวมทั้งบิดาและมารดา ร่วมกันลักทรัพย์สินจากห้องพักของนายจ้างไปหลายรายการ อาทิ ทองคำแท่ง 40 แท่ง น้ำหนักรวม 40 บาท ทองรูปพรรณ และสร้อยเพชร รวม 11 รายการ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องและไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกแจ้งความแต่อย่างใด
 
“เมื่อประมาณเดือนพ.ย.58 หนูได้ไปสมัครงานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุม ส่งตัวให้ตำรวจ สน.ประชาชื่น ดำเนินคดีจึงมาทราบเรื่องทั้งหมด และทราบว่าคดีนี้ฝ่ายนายจ้าง อ้างว่ามีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ทางครอบครัวพากันหิ้วกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องพัก แต่ก็เป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
 
น.ส.เอ กล่าวอีกว่า หลังจากถูกจับกุมดำเนินคดีก็ไม่สามารถหาเงินมาประกันตัวได้ ช่วงที่ถูกพิจารณาคดีนั้น ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัว จึงถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานพินิจบ้านปรานีเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน กระทั่งพนักงานสอบสวนไม่สามารถส่งฟ้องคดีได้ทันตามกำหนด จึงถูกปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนบิดาและมารดาปัจจุบันก็ยังมีหมายจับติดตัวอยู่
 
"หนูสอบเข้าศึกษาต่อที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร โดยเพิ่งไปรายงานตัวและเสียค่าหน่วยกิตแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถไปเรียนได้เพราะยังมีคดีติดตัวอยู่"
 
น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ในวันนี้ (21 มิ.ย.) ก็ครบกำหนดต้องถูกพนักงานสอบสวนนำตัวส่งฟ้องต่ออัยการ แต่เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนยังสอบสวนและสรุปสำนวนคดีไม่เสร็จสิ้น โดยเฉพาะประเด็นที่มาของทรัพย์สินของอดีตนายจ้างรายนี้ จึงมาร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้ทางตำรวจ บก.ป.ได้สอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ด้าน พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนสำนวนคดีเดิมคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนี้ก็จะตรวจสอบมูลเหตุที่นางเอ นายจ้างชักชวนให้ น.ส.เอ ไปทำงานยังต่างประเทศ ว่ามีจุดประสงค์หรือมุ่งหวังอะไร ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่นั้น คงต้องขอเวลาตรวจสอบเสียก่อน แต่หากพบว่าเข้าข่ายความผิดจริงก็จะพิจารณาดำเนินคดีด้วย ในส่วนการอ้างตัวเป็นคุณหญิง รวมทั้งเป็นภรรยาของนายตำรวจยศ พ.ต.ท.นายหนึ่ง คงไม่ใช่เป็นประเด็นสำคัญ

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/643592