:: RLHyde คุณเคยมีประสบการณ์ที่ต้องพูดคุยกับคนที่เอาใจยากหรือไม่? คนบางคนช่างเอาแต่ใจตัวเอง พูดจาไม่รู้เรื่อง
คุณ เคยมีประสบการณ์ที่ต้องพูดคุยกับคนที่เอาใจยากหรือไม่? คนบางคนช่างเอาแต่ใจตัวเอง พูดจาไม่รู้เรื่อง หรือไม่ยอมปรับปรุงตัวโดยมีข้ออ้างง่าย ๆ ว่า นี่เป็นนิสัยของชั้น การจัดการกับคนที่ จัดการยาก เหล่านี้เป็นศิลปะทางจิตวิทยาที่ไม่ยากจนเกินไป และเนื่องจากว่ามันช่างลงตัวกับหมวด Emotional Health ของเราซะเหลือเกิน เราจึงอยากจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเขียนให้คุณผู้อ่านได้นำไปใช้ในชีวิต ประจำวัน
การที่เราสามารถปรับตัว และรับมือกับคนที่จัดการยากนั้น เป็นเรื่องสุขภาพจิตส่วนตัวของเราแต่ละคน เพราะหากคุณมีความเข้าใจ และสามารถนำไปใช้งานได้ในธุรกิจการงานที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย หรือนำไปใช้ในการเข้าสังคมกับเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ใช้เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว ผลลัพธิ์ที่ได้ย่อมคุ้มค่า และทำให้คุณและคนรอบข้างมีความสุขไปด้วยกันนั่นเอง
ตัวอย่างที่ ชัดเจนที่สุดอาจจะเป็นการเคลียร์งานกับลูกค้าที่เอาแต่ใจตัวเองสุด ๆ ไม่ว่าคุณพยายามพูดอย่างไรก็ผิดไปหมดจนคุณเริ่มท้อใจเริ่มเซ็ง หรืออาจจะเป็นเจ้าเพื่อนตััวแสบที่มาสายเสมอเวลานัด และไม่ยอมที่จะปรับปรุงตัวโดยให้เหตุผลว่า ชั้นเป็นคนแบบนี้ แน่นอนว่าเราแต่ละคนมีลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนกัน มีความชอบไม่เหมือนกัน และมีแนวโน้มที่จะยึดติดกับความเป็นตัวตนของเราอยู่ร่ำไป ดังนั้นการจัดการกับคนที่ จัดการยาก จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ถ้าเช่นนั้นเรามาเริ่มต้นกันเลยดีกว่าครับ
1. เรียนรู้ที่จะตอบสนอง
เรา ควรจะเรียนรู้ที่จะตอบสนอง ก่อนพยายามปรับปรุงการปฏิสัมพันธ์ การตอบสนองของเราต่อคนอื่นเปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนตัวเราว่าเรามีนิสัย อย่างไรที่ต้องปรับปรุง ซึ่งหลาย ๆ ครั้งเราได้มองข้ามไป ตัวอย่างง่าย ๆ ของการประยุกต์ใช้ก็คือ เวลาที่มีคนอารมณ์เสียใส่เรา เราโกรธตอบหรือไม่? เราสามารถควบคุมตัวเองได้หรือไม่เมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ หรือมีคนทำไม่ถูกใจ เรื่องของการเจรจาและการมีปฏิสัมพันธ์กันไม่ว่ากับใครก็ตาม เป็นเรื่องที่เกิดจากบุคคลสองฝ่าย คือฝ่ายเรา และฝ่ายเขา ซึ่งถ้าเรายอมออกจากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเราจะสามารถเห็นจุดบกพร่องของ เราเอง และสามารถพัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น สภาวะทางอารมณ์เป็นเรื่องสำคัญ และผู้ที่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างดีคือผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้อย่าง แท้จริง มีคำกล่าวไว้ว่าผู้ที่รู้จักที่จะสื่อสารจึงจะเป็นเจ้าโลก
ดัง นั้นหากคุณเรียนรู้ที่จะตอบสนองอย่างถูกต้อง และไม่ยอมให้การ ก้าวล้ำเส้น ของคนอื่นทำให้คุณหัวเสีย หรือหลุดอาการที่ไม่ดีออกไป คุณก็สามารถชนะใจตัวเองได้ อย่าลืมว่าการสังเกตุการตอบสนองสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่ดี และคนอื่นๆ รอบข้างก็เปรียบเสมือนกระจกที่สะท้อนตัวคุณ ดังนั้นก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มสังเกตุตัวเราเองครับ ว่าเราตอบสนองสถานการณ์๋และคนรอบข้างอย่างไร เพราะหากคุณต้องการชนะใจคน โดยเฉพาะคนที่เอาชนะได้อย่างแล้วล่ะก็ คุณต้องชนะตัวเองให้ได้ก่อนครับ
2. เข้าใจคนอื่นและปรับมุมมองบางเรื่อง
คุณ เคยเจอคนที่พูดแต่เรื่องของตัวเองรึเปล่าครับ? คนที่เวลาคุยเรื่องอะไรก็ตามมักจะวกกลับมาที่เรื่องของตัวเองตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะเขาต้องการความเข้าใจ และสนใจในเรื่องของเขา คนส่วนใหญ่มักมีอาการแบบนี้ไม่มากก็น้อย คือต้องการให้คนอื่นเข้าใจตัวเอง อยากให้คนรับฟังและสนใจ แต่เมื่อมันมากเกินไป หรือเรียกร้องผิดจังหวะก็จะกลายเป็นเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์เรา เรามักจะใช้มุมมองต่อสิ่งต่าง ๆ ของเราเองไปมองคนอื่น และเปรียบเทียบ หรือแม้กระทั้งตัดสินคนอื่นว่าคนทำผิดอย่างไรบ้าง ไม่ดีอย่างไรบ้าง และถ้าเป็นเราเราจะทำได้ดีกว่า หรือเราจะไม่ทำสิ่งแย่ ๆ แบบนั้นเด็ดขาด! ปัญหาก็คือการกล่าวโทษคนอื่นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร ถ้าทุก ๆ คนในสังคมเอามุมมองของตัวเองเป็นใหญ่และพยายามให้คนอื่นปรับเข้าสู่มุมมองคน ตนเองลูกเดียว รับรองเลยว่าสังคมนี้วิบัติแน่นอน
ทว่าปัญหาที่ พบเห็นก็คือมีคนจำนวนไม่มากในสังคมที่พร้อมจะปรับมุมมองเพื่อเข้าใจคนอื่น บ้าง ส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่าเราถูกต้องเสมอ! ดังนั้นการที่จะรับมือกับคนที่รับมือยาก เราจำเป็นต้องยอมลงจากบัลลังก์ใจของตัวเราเอง แล้วเขาไปสู่สมอง และความคิดของคนอื่น โดยเริ่มที่จะเห็นใจเขา มองจากมุมของเขา และเป็นเพื่อนกับเขา สิ่งเหล่านี้ถ้าคุณแสดงออกอย่างจริงใจ รับรองว่าฝ่ายตรงข้ามจะสามารถสัมผัสได้อย่างแน่นอน และจะทำให้การเจรจาต่อรองใด ๆ กลายเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น
เรา จำเป็นที่จะต้องสวมรองเท้าคู่เดียวกับเขาเพื่อที่จะเข้าใจเขา และลองถามคำถามในใจตัวเองเช่น เมื่อลูกค้าพูดจาไม่ค่อยดีกับคุณ หรือใส่อารมณ์ ให้คุณลองคิดว่าเขาอาจมีปัญหามากมายในวันนี้ และมันช่างอัดอั้นซะเลยเกิน เขาเจอความเครียดมามาก เป็นไปได้ว่าธุรกิจกำลังมีปัญหา เมื่อเช้าทะเลาะกับคนที่บ้าน ลูกสอบตก หรือแม้กระทั่งหมาป่วย! ประเด็นก็คือเราต้องรู้จักเข้าใจเห็นอกเห็นใจคนรอบข้าง โดยไม่ต้องรอให้เขาเล่าเรื่องส่วนตัวออกมาให้เราฟัง เพราะว่าทุกคนมีเรื่องปวดหัวปวดใจอยู่แน่นอน โลกนี้เป็นโลกแห่งความวุ่นวาย ไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่โดยไม่มีปัญหา ดังนั้นการมองข้ามคำพูด หรือการใส่อารมณ์ของลูกค้าไป และพยายามที่จะเข้าใจเขา จะทำให้อารมณ์ และความตึงเครียดผ่อนคลายลง จนการเจรจาทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
3. เลือกคำพูดให้เหมาะสม และมีสติปัญญา
หาก เรารู้จักควบคุมลิ้นของเรา เราก็สามารถที่จะมีชัยชนะในสงครามได้อย่างน่าอัศจรรย์ ถ้าเราลองดูประวิัติศาสตร์ของโลกจะพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จมักมีทักษะใน การพูดที่ดี ยกตัวอย่างเช่น ขงเบ้งที่สามารถใช้ลิ้นเอาชนะใจซุนกวนให้มาช่วยทัพฝ่ายเล่าปี่สู้กับโจโฉ หรือไม่ว่าจะเป็นในยุคปัจจุบันอย่าง Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple ถ้าหากใครเคยฟัง Jobs แถลงข่าวสินค้าไม่ว่าจะเป็น iphone, ipad หรือสินค้าอื่น เราจะเห็นว่าเขาใช้คำพูดที่ชาญฉลาดอย่างมาก และคำพูดแต่ละคำถ้าเรานำมาใช้ได้อย่างถูกวิธีก็จะสามารถปลุกเร้า หรือโน้มน้าวใจของคนได้อย่างอัศจรรย์ word is magic
ในการพูด กับคนที่ จัดการยาก นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเริ่มต้นด้วยการพูดจากมุมมองของเขา หรือเขาใจปัญหาของเขาว่าเขาต้องเผชิญกับอะไร เราต้องให้เขารู้ว่าเรารับทราบปัญหา และตระหนักดีว่าเขารู้สึกวุ่นวายใจหรือไม่สบายใจอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น นอกจากนี้เราควรเริ่มต้นการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพ น้ำเสียงที่นุ่มนวลทำให้เนื้อหาที่เราจะพูดกลายเป็นขนมหวาน และสามารถรับฟังได้ง่ายขึ้น มีการศึกษาพบว่าน้ำเสียงมีความสำคัญกว่าตัวเนื้อหา และสมองของเราจะตีความจากน้ำเสียงมากกว่าตัวเนื้อหาที่พูดออกมาถึง 80% เลยทีเดียว
พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ถูกต้อง รับทราบปัญหา และแสดงความเคารพต่อคู่สนทนาของคุณแล้ว คุณจะต้องมุ่งประเด็นไปที่ปัญหาไม่ใช่ตัวของเขา ปัญหาที่เรามักพบก็คือมนุษย์เรามีแนวโน้มที่จะผูกติดปัญหาเข้ากับตัวเอง ดังนั้นเราต้องแยกปัญหาออกจากความเป็นตัวตนของคู่สนทนาของคู่ ทำให้เขารู้ว่าคุณมุ่งสนใจแก้ไขเจ้า ปัญหา ไม่ใช่แก้ไข ตัวตน ของคู่สนทนา เพราะถ้าคุณไม่สามารถแยกสองสิ่งนี้ออกจากกันในการสนทนา กลไกการป้องกันตัวเองของคู่สนทนาก็จะทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เรา และทำให้ไม่สามารถหาข้อสรุป หรือแนวทางแก้ไขของปัญหาได้
นอกจาก นี้คุณควรเรียนรู้ที่ใช้คำที่มีประสิทธิภาพ มีพลังทำให้เห็นภาพ และรู้สึกคล้อยตามไปด้วย การใช้คำเป็นศิลปะของผู้สื่อสาร ตัวอย่างเช่น มันดีมากเลย กับ สุดยอดจริง ๆ ชีวิตนี้หาดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต่างกันมากใช่มั้ยครับ หรือ แบบนี้ไม่ค่อยดีนะครับ กับ มันแย่เหมือนนรกส่งมาเกิด แบบนี้ไปตายซะดีกว่า โอ้โหต่างกันราวฟ้ากับดิน การใช้คำพูดเป็นศิลปะอย่างแท้จริง หากคุณสามารถใช้คำที่มีพลังรับรองได้เลยว่าชีวิตคุณจะประสบความสำเร็จในการ เจราอย่างสูงเลยทีเดียว ลองสังเกตุคำที่ Steve Jobs ใช้ในงานแถลงข่าวสินค้าสิครับ เขาจะใช้คำว่า Phenomenon บ่อย ๆ หรือคำว่า Fantastic อะไรประมาณนั้น ซึ่งคำเหล่านี้เป็นให้มุมมองที่เราเห็นสินค้าของเขาถูกยกระดับขึ้นในใจของ เรา เรียกได้ว่านี่คือการสะกดจิตโดยเราไม่รู้ตัวนั่นเอง
ลิขสิทธิบทความของ sp-cosmeticsurgery.com
ผู้ให้บริการ Cosmetic Surgery Thailand
(ห้ามเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาติอย่างเป็นทางการ)
ที่มาข้อมูล : www.sp-cosmeticsurgery.com