เตือนภัย ถ่ายเป็นเลือดระวังโรคแฝง ร้ายแรงถึงชีวิต!!


เตือนภัย ถ่ายเป็นเลือดระวังโรคแฝง ร้ายแรงถึงชีวิต!!

เตือนภัย ถ่ายเป็นเลือด ระวังโรคแฝง…ร้ายแรงถึงชีวิต!! (เดลินิวส์)
          อาการตกใจกลัวสุดขีด จะเกิดขึ้นเมื่อทราบว่าตัวเองถ่ายเป็นเลือด ทำให้คิดไปต่างๆ นานา ว่าเป็นโรคร้ายชนิดใดกันแน่ เพราะการถ่ายเป็นเลือดเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นริดสีดวงทวารหนัก ฝีบริเวณทวารหนัก และที่หนักสุดๆ เห็นจะเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่ทำให้ใครหลายคนกังวลใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ!!
          วันนี้เรามาไขข้อข้องใจเพื่อคลายความกังวลกัน โดย นพ.สุรพันธ์ เอื้อวัฒนามงคล ศัลยแพทย์ระบบลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ความรู้ว่า อาการถ่ายเป็นเลือดนั้น เป็นอาการของโรคริดสีดวงทวารหนักที่เกิดจากหลอดเลือดดำของผนังเหยื่อบุทวารหนักโป่งพอง เมื่อเกิดขึ้นจะพบเป็นก้อนโป่งพองโผล่ออกมาขณะอุจจาระหรืออาจทำให้เลือดออกขณะก่อนหรือหลังถ่ายอุจจาระ  
          สาเหตุของการเกิดโรคริดสีดวงทวารหนักที่พบบ่อยมากที่สุดคือ อุปนิสัยการขับถ่าย และการกินอาหาร ได้แก่ ไม่ทานอาหารที่มีกากใย เช่น ผักผลไม้ จึงมีอาการท้องผูก ถ่ายอุจจาระลำบาก หลายๆ วันถ่ายครั้งหนึ่ง หรือความเร่งรีบต้องกลั้นไว้ส่ง ผลให้อุจจาระแข็งต้องเบ่งอยู่นานขณะขับถ่าย ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องมาก เส้นเลือดดำถ่ายเทไม่สะดวกและโป่งพองขึ้น อาการของผู้เป็นริดสีดวงทวารหนักมักเป็นได้ทั้งภายในและภายนอก แต่ส่วนมากมักเป็นแบบภายใน เริ่มแรกมีอาการถ่ายเป็นเลือดสีแดงสดๆ
          ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ พันธุกรรม, การตั้งครรภ์ เพราะมดลูกใหญ่ขึ้นกดทับหลอดเลือดดำทำให้ถ่ายเทลำบาก รวมถึงคนที่เป็น โรคหัวใจ โรคตับ เพราะปกติแล้วบริเวณทวารหนักจะมีเลือดมาเลี้ยงมาก และเลือดภายในกลุ่มหลอดเลือดดำเหล่านี้ จะไหลถ่ายเทไปสู่หลอดเลือดดำภายในช่องท้อง แต่ถ้าเรามีปัญหาโรคหัวใจหรือโรคตับเลือดจะถ่ายเทไม่สะดวก และตีกลับมายังหลอดเลือดที่ทวารหนัก ทำให้โป่งพองเป็นริดสีดวงในที่สุด
          แพทย์แบ่งอาการเป็น 4 ระยะ คือ…
          1. มีอาการเลือดออก หัวริดสีดวงอยู่ข้างใน 
          2. ถ่ายอุจจาระแล้วมีก้อนริดสีดวงฯ โผล่ออกมาเวลาเบ่งแต่หดกลับเข้าไปได้เอง 
          3. ถ่ายอุจจาระแล้วมีก้อนริดสีดวงฯ โผล่ออกมา และไม่หดกลับเข้าไปได้เอง ต้องใช้นิ้วมือดันกลับจึงเข้า
          4. ริดสีดวงฯ โผล่ออกมาภายนอกไม่สามารถดันกลับไปได้ 
          ซึ่งการรักษานั้นในระดับ 1-2 คือให้ยามีผลทำให้เส้นเลือดหดตัว หรือใช้ยางรัดให้หัวริดสีดวงฝ่อหลุดไปเองรวมทั้งแนะนำให้เปลี่ยนอุปนิสัยการกินและการขับถ่าย ส่วนระดับที่ 3-4 ถือว่าเป็นมากแล้วต้องทำการผ่าตัดแต่อาจไม่หายขาดหากเรายังมีพฤติกรรมเดิมๆ จะทำให้กลับมาเป็นได้อีก 
          90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่มีอาการเลือดออกทางทวารหนัก หรือถ่ายเป็นเลือดมักคิดว่าเป็นริดสีดวงฯ แต่อีกโรคหนึ่งที่ร้ายแรงกว่าและแอบแฝงอยู่ในอาการถ่ายเป็นเลือดด้วยเช่นกันคือ “โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก” ซึ่งหลายคนมักเข้าใจผิดว่าการถ่ายเป็นเลือดนั้น ต้องเป็นโรคริดสีดวงฯ และอาจรุนแรงถึงขั้นกลายเป็นมะเร็งได้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ คนที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ต่างหากจะมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคริดสีดวงมากกว่าคนปกติ ดังนั้นอาการถ่ายเป็นเลือดจึงเป็นอันตรายร้ายแรงมากกว่าที่เราคิดไว้
          นพ.สุรพันธ์ อธิบายข้อแตกต่างระหว่างมะเร็งลำไส้ใหญ่กับโรคริดสีดวงทวารหนักว่า ริดสีดวงฯ เกิดจากหลอดเลือดดำในลำไส้ใหญ่โป่งพองแต่มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากความผิดปกติของติ่งเนื้อตรงเยื่อบุผิวหนังของลำไส้ใหญ่ ซึ่งเกิดจากภาวะเซลล์ในร่างกายเสื่อมและได้รับสารพิษตกค้างในอาหารและติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นตั้งแต่ 1-2 เซนติเมตร ถ่ายอุจจาระมีเลือดปนออกมา เลือดออกทางทวารหนัก อุจจาระมีขนาดก้อนเล็กลงหรือมีปริมาณน้อยและปวดถ่ายบ่อยเหมือนถ่ายไม่สุดเพราะมีก้อนเนื้อมะเร็งกีดขวางอยู่ รวมทั้งมีอาการท้องผูกปวดท้องร่วมด้วย แต่เราสามารถสังเกตที่สีของเลือดที่ถ่ายออกมาได้ว่าถ้าถ่ายเป็นมูกเลือดสีคล้ำๆ ควรรีบมาพบแพทย์ทันที 
          การที่มีก้อนเนื้อไปกีดขวางทางเดินอุจจาระ ทำให้อุจจาระอยู่ในลำไส้นานและถูกดูดซึมน้ำไปใช้จนแข็ง ทำให้ขับถ่ายลำบากต้องออกแรงเบ่ง เส้นเลือดดำจึงโป่งพองก่อให้เกิดภาวะเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักได้ ฉะนั้นหากเรามีอาการถ่ายเป็นเลือดอย่านิ่งนอนใจควรรีบไปพบแพทย์เพื่อ ทำการวินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคใดร้ายแรงหรือไม่โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงคือ คนที่มีอายุมาก กว่า 50 ปีขึ้นไป มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยและทานอาหารที่มีไขมันในปริมาณสูง ซึ่งอาจเป็นโรคมะเร็งลำไส้ได้ 
          ถ้าไม่อยากเสี่ยงเป็นริดสีดวงฯ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ คุณหมอสุรพันธ์ จึงแนะนำว่า ควรฝึกอุปนิสัยการถ่ายให้เป็น เวลาไม่นั่งนานหรือเบ่งอยู่นานๆ พยายามอย่าให้ท้องผูก รับประทานอาหารประเภทผักผลไม้และดื่ม น้ำเปล่าให้มากๆ และออกกำลังกายสม่ำเสมอจะพบว่าช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ที่สำคัญเมื่อ มีอาการขับถ่ายเป็นเลือดควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคว่าเป็นริดสีดวงทวารหนักแน่นอนไม่ใช่โรคร้ายแรงและถ้าเป็นริดสีดวงอย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะแผลที่เกิดขึ้นจะมีอาการติดเชื้อและถ้ามีเลือดออกมามากอาจเป็นโรคซีดเลือดจางได้ ยิ่งตรวจพบเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แต่เนิ่นๆ จะได้รักษาให้หายขาด ไม่ต้องถึงขั้นเสียชีวิต
          จาก 1 ใน 3 ของผู้ที่ถ่ายเป็นเลือดมักเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ หากตรวจพบและทำการรักษาตั้งแต่ต้นจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ รู้แบบนี้แล้วใครที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือพฤติกรรมอย่างที่กล่าวมาข้างต้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเสียก่อนจะสายเกินไป
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
Tags: