วอนเลิกห้องสูบบุหรี่ในสุวรรณภูมิ

“หมอหทัย” แฉนิโคตินใกล้ห้องสูบบุหรี่ในสนามบินสูง อันตรายต่อสุขภาพ วอนเลิกห้องสูบในสุวรรณภูมิ เชื่อช่วยขยับอันดับโลก

วันนี้ (3 ต.ค.) นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าวว่า มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารควบคุมการสูบบุหรี่ ได้ตรวจสอบคุณภาพอากาศที่สนามบินในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า อากาศในบริเวณใกล้ห้องสูบบุหรี่ของสนามบินนานาชาติ มีระดับนิโคตินสูงมากพอในปริมาณที่น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยตั้งแต่เดือน ก.ค. พ.ศ.2510 ในกลุ่มสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา 30 แห่ง มีถึง 23 แห่ง ที่กำหนดให้พื้นที่ภายในอาคารปลอดบุหรี่ 100% ส่วนในประเทศไทยปัจจุบันสนามบินในต่างจังหวัดได้กำหนดให้เป็นพื้นที่ปลอด บุหรี่ 100% เหลือเพียงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเท่านั้น ที่ยังมีห้องสูบบุหรี่อยู่ภายในอาคาร แม้จะมีห้องสูบบุหรี่เป็นการเฉพาะ แต่เมื่อมีการเปิดประตูเข้า-ออกก็จะทำให้สารพิษออกมาภายนอกห้องได้

“ถึงเวลาแล้วที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ควรออกประกาศกระทรวงฯ กำหนดให้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ 100% ซึ่งที่ผ่านมา ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเกรงว่า สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินที่ผู้โดยสารต้องเดินทางไกลเป็น 10 ชั่วโมง อาจอยากจะสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ เพราะสนามบินอื่นที่ใหญ่กว่าสุวรรณภูมิยังสามารถทำให้เป็นสนามบินปลอดบุหรี่ 100% ได้ ทั้งนี้ หากจะจัดบริการห้องสูบบุหรี่ ควรเป็นห้องพิเศษที่มีทางเดินออกมานอกอาคารผู้โดยสารแยกเป็นสัดส่วนต่างหาก” นพ.หทัย กล่าว

นพ.หทัย กล่าวต่อว่า การได้อากาศบริสุทธิ์ปราศจากพิษควันบุหรี่ เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งจาก 39 คำถาม-คำตอบ ที่ทำให้สนามบินสุวรรณภูมิของไทยได้รับรางวัล Skytrax World Airport Awards ประจำปี 2010 โดยอยู่ในอันดับ 10 ของท่าอากาศยานนานาชาติทั่วโลก โดยได้จากการตอบแบบสอบถามของผู้โดยสาร 9.8 ล้านคน มากกว่า 100 สัญชาติ ที่ท่าอากาศยาน 210 แห่งทั่วโลก นับเป็นการขยับจากการที่ได้ที่ 16 ในปี 2552 จึงเชื่อว่าหากทำสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นสนามบินปลอดบุหรี่ 100% จะทำให้การจัดอันดับในปีต่อไปขยับดีขึ้น

สำหรับสนามบินที่ได้รางวัล Skytrax World Airport Awards อันดับที่ 1-10 ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศสิงคโปร์ (Changi), เกาหลี (Incheon), ฮ่องกง, เยอรมัน (มิวนิค), มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์), สวิสเซอร์แลนด์ (ซูริค), ฮอลแลนด์ (แอมสเตอรแดม), จีน (ปักกิ่ง), นิวซีแลนด์ (อ็อคแลนด์) และไทย (สุวรรณภูมิ).